หน้าบานแบบเมมเบรน ถือได้ว่าเป็นเทคนิคการทำสีหน้าบานที่เหมาะกับงานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินภายในเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ตู้เสื้อผ้าแบบบิ้วอิน ผมจั่วหัวมาแบบนี้แล้ว หลายๆท่านคงสงสัยใช่ไหมล่ะครับว่า แล้วการทำสีแบบอื่นไม่เหมาะสมหรอ ? มาครับ วันนี้ทาง FlashDesign จะพามาดูว่า “ตู้เสื้อผ้าบิ้วอินกับหน้าบานเมมเบรน” เหมาะสมกันยังไง ?
ก่อนอื่น เรามารู้จักกับ หน้าบานเมมเบรน กันก่อนดีกว่าครับ เมมเบรน (Membrane) คือหนึ่งในวิธีการทำสีหน้าบาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นวิธีเดียวที่ใช้เครื่องจักรในการทำสี โดยการทำสีด้วยเครื่อง Membrane นี้ จะเป็นการนำแผ่นหน้าบานทั้งแผ่น ไปหุ้มด้วยแผ่นฟิล์ม PVC จากนั้น เครื่องจะทำการดูดแผ่นฟิล์มติดกับหน้าบานในลักษณะห่อหุ้มหน้าบานด้วยระบบสุญญากาศ โดยจะใช้ความร้อนอยู่ที่ 125 องศา โดยจะใช้เวลาในการหุ้มอยู่ที่ประมาณ 2-3 นาที
ข้อดีของการทำสีด้วยวิธี เมมเบรน (Membrane)
- จะได้หน้าบานที่มีเนื้อผิวสัมผัสที่เรียบเนียน หรูหรา
- ได้โทนสีที่มีความสม่ำเสมอ ไม่มีรอยต่อของสี
- ไม่มีกลิ่นสี
- สามารถทำได้ทั้ง สีด้าน (Matt Color) สีเงา (Hi-gross) และ ลายไม้
- สามารถหุ้มลายไม้กับหน้าบาน เซาะร่อง ยกขอบ ติดคิ้ว ได้
ต้องบอกเลยว่า งานเฟอร์นิเจอร์บิ้วอินตกแต่งภายในนั้น นอกจากจะต้องการความเนี๊ยบของงานแล้ว ยังจำเป็นที่จะต้องใส่ใจในเรื่องงานหลังจากการผลิตติดตั้งอีกด้วยล่ะครับ โดยเฉพาะ เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่อยู่ภายในห้องนอนอย่าง ตู้เสื้อผ้าบิ้วอิน ซึ่ง แน่นอนครับว่าถ้าเป็นการทำสีด้วยวิธีอื่นๆ อย่างเช่น การพ่นสีและการปิดผิวลามิเนต ปัญหาที่ตามมาเป็นอันดับ 1 เลยก็คือ เรื่องของกลิ่นสี ซึ่งไม่ใช้เรื่องดีแน่ๆ ถ้าจะเก็บเสื้อผ้าไว้ในตู้เสื้อผ้าที่ยังมีกลิ่นสีอยู่
หรือถ้าเป็นการปิดผิวด้วยลามิเนตนั้น ก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการที่เราไม่สามารถปิดผิวกับหน้าบานแบบ คลาสสิคหรือเซาะร่อง ได้ และยังต้องคอยมาเก็บขอบหน้าบานให้เสียเวลา ซึ่งจะทำให้งานดูไม่มีความพรีเมียม
เพราะเหตุนี้ การทำสีหน้าบานด้วยวิธี เมมเบรน นั้น จึงมีความเหมาะสมกับงาน เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินอย่าง ตู้เสื้อบิ้วอิน เป็นอย่างมาก เนื่องจาก จะไม่ทิ้งกลิ่นสีไว้ในตู้เสื้อผ้าหรือภายในห้องนอน ซึ่งเราสามารถที่จะเก็บสิ่งของและเสื้อผ้าเข้าตู้ได้ทันที สีภายนอกจะมีความเรียบเนียน ทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่าสีพ่น และไม่ต้องเก็บสีเหมือนกับลามิเนต ทำให้งานภายนอกดูพรีเมี่ยมและหรูหรา เป็นอย่างมาก